ใบทะเบียนพาณิชย์ หรือทะเบียนการค้า คือ การจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499 หากประกอบธุรกิจจะต้องจดทะเบียนพาณิชย์ โดยเฉพาะกิจการประเภทนิติบุคคล เมื่อนายทะเบียนจดทะเบียนเรียบร้อยจะมอบ “ใบทะเบียนพาณิชย์”
ผู้มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์ ได้แก่
- บุคคลธรรมดาคนเดียว (เจ้าของกิจการคนเดียว)
- ห้างหุ้นส่วนสามัญ
- นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่มาตั้งสำนักสาขาในประเทศไทย
- ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด
- บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด
พาณิชยกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ได้แก่
- การค้าเร่ การค้าแผงลอย
- การบำรุงศาสนาเพื่อการกุศล
- นิติบุคคลซึ่งได้มีพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้น
- กระทรวง ทบวง กรม
- มูลนิธิ สมาคม สหกรณ์
- พาณิชยกิจของกลุ่มเกษตรกรที่ได้จดทะเบียนตาม ปว.141 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2515
จะต้องทำการจดทะเบียนพาณิชย์ในท้องที่ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ภายใน 30 วันนับแต่วันเริ่มประกอบพาณิชยกิจ
***ในเขตกรุงเทพจดที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร และฝ่ายปกครอง สำนักงานเขตทุกแห่ง
***ในภูมิภาคยื่นจดที่เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล
เมื่อจดทะเบียนพาณิชย์แล้ว ให้จดทำป้ายชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจไว้ที่หน้าสำนักงาน และสำนักงานสาขาถ้ามี โดยเปิดเผยภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียน ป้ายชื่อจะต้องเป็นอักษรไทยอ่านได้ง่ายและชัดเจน แต่ต้องใช้ชื่อให้ตรงกับชื่อที่จดทะเบียนไว้ และถ้าเป็นสำนักงานสาขาต้องมีคำว่า “สาขา” ไว้ด้วย
***หากสูญหายต้องยื่นคำขอรับใบแทนใบทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่สูญหาย***
กรณีที่เลิกประกอบกิจการแล้ว ให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันเลิกประกอบพาณิชยกิจ
***ผู้จดทะเบียนพาณิชย์ในนามบุคคลธรรมดามีภาระหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งใน 1 ปีจ้องยืนภาษี 2 ครั้ง คือแบบ ภ.ง.ด.94 ภาษีครึ่งปี แบบ ภ.ง.ด. 90 ภาษีทั้งปี***
ทั้งนี้หากรายได้จากการขายหรือบริการ่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
****www.pornkawinthip.com***